ระยะทางระหว่างความลังเลกับความมั่นใจในเชิงของเวลานั้น ในด้านหนึ่งคือ 100 ปี และในอีกด้านหนึ่งคือชั่ววินาทีเดียว สิ่งนี้ประหนึ่งว่าเป็นคำ พูดปริศนา แต่พระเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้แจกแจงมันเพื่อความเข้าใจที่ลึกขึ้ง ในดำรัส ต่อไปนี้
“คัมภีร์นี้ไม่มีข้อสงสัย ในนั้นมีทางนำสำหรับผู้ที่มีความศรัทธาในสิ่งเร้นลับ” (บทที่ 2 โองการที่ 2)
ณ พระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์กล่าวถึงสองสิ่ง
(1) ด้วยการกล่าวว่า “คัมภีร์ที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ความสงสัยจึงถูกลบล้างไป
(2) สิ่งเร้นลับซึ่งเท่ากับความศรัทธาและความมั่นใจ
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าไม่อนุญาตให้เรามีความสงสัยหรือ ไม่แน่ใจ ความมั่นใจและความเชื่อเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้คงอยู่ในจิตใจ สิ่งนี้ถูกเรียกว่า “ความเชื่อในสิ่งเร้นลับ” ซึ่งจัดเตรียมทางนำไว้ วัตถุประสงค์ ของทางนำนั้นมีความสำคัญมาก สิ่งหนึ่งนั่นคือ ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่ เข้าใจหรือไม่ รับรู้หรือไม่ ก็ต้องได้รับการเชื่อว่ามีอยู่ สิ่งนี้ได้เตรียมทางนำทั้งหมดไว้ และมันห้อมล้อมมนุษย์ไว้จากทุกทิศทาง
เมื่อความคิดที่เจิดจ้าได้รับการฝึกฝนให้คงรวมศูนย์อย่างเข้มข้นอยู่บนจุดเดียวอย่างมากมาย จนกระทั่งแสงแห่งความสงสัย และไม่แน่ใจจะถูกแทนที่โดยแสงแห่งความมั่นใจ ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากการสนับสนุนของการตัดสินใจ มันก็พร้อมที่จะกลายเป็นการปรากฏที่เป็นจริง
ท่านได้อ่านถึงการแสดงออกในทางปฏิบัติของการรวมศูนย์ความคิด อย่างจริงจัง และผลลัพธ์ของความมั่นใจที่ปรากฏการณ์ติดตามมาเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านเกาส์ อะลีชาห์ เหตุการณ์ที่มีธรรมชาติคล้ายคลึงกัน ซึ่งได้ถูกรายงานมายังเราโดยผู้อาวุโส มีดังนี้
“เมื่อลูกสาวของนักธุรกิจคนหนึ่ง มีอายุครบ 15 ปี วันหนึ่งสิ่งแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเธอตื่นนอนขึ้นก็พบว่า มีลวดลายจากเฮนน่า อยู่ที่มือของเธอ จู่ๆ ในตอนเที่ยงเธอก็มีอาการเป็นลมไม่ได้สติ จากนั้นก็เริ่ม เป็นทุกวันพฤหัสบดี ในเวลาที่แน่นอน เธอจะมีอาการวิงเวียนเป็นลม หมอเริ่มรักษาเธอด้วยอาการฮิสทีเรีย เมื่อเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น เธอจึงถูกนำไปบำบัดทางจิต พวกเขาวินิจฉัยว่าถูกเวทย์มนต์ และพยายามไล่วิญญาณให้ออก จากตัวเธอ เมื่อของขลัง เครื่องรางและวิธีการอื่นๆ ของหมอมนต์ ต่างประสบกับความล้มเหลว เธอจึงถูกนำตัวไปพบกับฮากิมและหมอในท้องถิ่น การบำบัดนี้และวิธีการอื่นๆ ดำเนินไปเป็นเวลา 4 ปี จนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งเธอจะต้องเป็นลมไม่ได้สติ กลับปรากฏว่าเธอดูมีความสุขและรั้งสติไว้ได้ หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า เธอเริ่มเสริมสวยหลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพสวมใส่เสื้อผ้าไหมและใส่ น้ำหอม เธอดูเหมือนเป็นเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เมื่อถูกถามถึงการตระเตรียม ต่างๆนี้ เธอตอบด้วยความเอียงอายว่า “เขา” กำลังจะมา และถ้าฉันไม่เตรียม ตัวให้พร้อมเขาจะโกรธ เมื่อเตรียมสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้ว เธอก็นั่งบนเตียงอย่างสงบเสงี่ยมเพื่อรอคนๆ หนึ่ง เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อย เธอก็ล้มลง ซึ่งกิน เวลายาวไปจนถึงตอนเย็น
บรรดาคณะแพทย์และฮากิม ให้คำแนะนำอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าการแต่งงานจะทำให้อาการฮิสทีเรียของหญิงสาวหายไป เมื่อเธอรู้เรื่องการตัดสินใจ เธอต่อต้านอย่างรุนแรง แต่พ่อแม่ของเธอไม่ให้ความสนใจและจัดการแต่งงาน เธอกับเด็กหนุ่มที่ดีในวงศ์ญาติของพวกเขา
ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการแต่งงาน เธอไล่สามีของเธอออกจากห้อง และ ขู่ว่าจะเปิดเผยอาการกามตายด้านของเขา ผู้อาวุโสในครอบครัวพยายามที่จะ เข้าประนีประนอมแต่สามีท้อใจ และหย่าเธอในที่สุด ทั้งสองครอบครัวมีการถก เถียงกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้อาวุโสได้เข้าไปใกล้สามีและสอบถามเขา เขาเล่าว่า ความจริงเป็นอย่างนั้น และเมื่อเขาเข้าไปหาเธอ เขาก็สูญเสียความ เป็นชายไปจนหมดสิ้น ทุกคนลงความเห็นด้วยการตำหนิว่าเด็กหนุ่มโกหก ซึ่ง ในที่สุดเขาก็ฆ่าตัวตาย
พ่อค้าพยายามแต่งงานกับลูกสาวของเขาเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาพยายามรักษาอาการของเธอ สักพักหนึ่งเขาก็ได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับฮากิมคนหนึ่ง ซึ่งรักษาคนไข้อยู่ในตำบลที่อยู่ห่างออกไปหลาย ร้อยไมล์ คนไข้จากทุกหนทุกแห่งไปหาเขา เขามีความรู้เกี่ยวกับการบำบัดและไม่คิดค่าใช้จ่าย
การเตรียมการเดินทางไปหาฮากิมจึงถูกกำหนดขึ้นในวันอาทิตย์ เพื่อว่าเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงในวันพฤหัสบดี ฮากีมก็จะได้เห็นอาการของเด็กและวินิจฉัยอาการจะได้ง่ายขึ้น
เมื่อครอบครัวพร้อมด้วยเด็กสาวเดินทางไปถึง ฮากีมไม่รับรักษาคนไข้ ในวันพฤหัสบดี เพราะเขาจะใช้เวลานี้ในการปลีกวิเวก พวกเขาไม่มีทางเลือก นอกจากคอยจนถึงวันศุกร์ เด็กสาวมีอาการเป็นลมตามปกติและทุเลาขึ้นใน ตอนเย็น พ่อค้าพบด้วยว่าฮากีมเป็นคนโสด และปฏิเสธคำแนะนำใดๆ ที่ให้แต่ง งาน ถ้ามีคนยืนกราน เขาจะบอกว่าเขาแต่งงานแล้ว ด้วยการชี้ไปที่รูปที่กล่าว ว่าเป็นภาพภรรยาของเขา
ในที่สุด วันศุกร์พ่อค้าก็ได้จองที่ของเขาในแถวของคนไข้ ด้วยความคิดว่าให้ถึงรอบของเขาโดยเร็วที่สุด ทุกคนเฝ้ารอประตูเปิด แต่ประตูเปิดก็ยังไม่เปิด ผู้คนก็ร้อนใจและเริ่มเคาะประตู แต่ไม่มีใครตอบ ในที่สุดทุกคนจึงพังประตู เข้าไป เพราะเกรงว่าฮากิม อาจประสบกับอุบัติเหตุ เมื่อผู้คนเข้าไปก็พบว่าห้องว่างเปล่า และประตูหลังเปิดอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอยู่ในสภาพปกติ ยกเว้น ตัวของฮากิม รูปภาพที่เขาอ้างว่าเป็นภรรยาของเขาตกอยู่บนพื้นพร้อมด้วยซอง ที่จ่าหน้าถึงพ่อค้า เมื่อพ่อค้าเปิดดูก็พบจดหมายความว่า “ฉันได้หย่ากับบุตรสาวเมื่อวันศุกร์ ดังนั้นต่อจากนี้ไปเธอจะไม่ทรมานจากการเป็นลมอีก ต่อไป จะเป็นการดีกว่าที่ท่านจะกลับไปยังเมืองพัทนาโดยนำเอารูปลูกสาวของท่านกลับไปด้วย
เมื่อพ่อค้าดูภาพ เขาประหลาดใจ เพราะมันเป็นรูปลูกสาวของเขา ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างก็แปลกใจเช่นกัน จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างสอบถาม กัน เกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามพ่อค้าได้เดิน ทางกลับพร้อมกับลูกสาวของเขาและรูปของเธอ และเด็กสาวผู้นั้นก็ไม่เคย เป็นลมอีกเลย”
สิ่งเดียวที่สรุปได้จากเหตุการณ์ที่เล่าโดยนักปราชญ์อย่างท่านเกาส์ อะลี ชาห์ และบุคคลอื่นๆ ก็คือ สำหรับความคิดนั้นจำเป็นที่ความสนใจจะต้องคงศูนย์รวมตรึงอยู่ ณ จุดเดียว ถ้าไม่มีความเข้มข้นแล้วจะไม่อาจรวมศูนย์อยู่ที่ จุดเดียวได้ สำหรับการศึกษาโทรจิตจำเป็นที่จิตใจของเราต้องปราศจากความ คิดหลากหลายที่ยังคงเข้ามาประดังในจิตใจของเรา และจะต้องตรึงอยู่อย่าง เข้มข้น ณ ความคิดเพียงความคิดเดียว เพื่อให้มีความเข้มข้นควรฝึกฝนดังต่อไปนี้ และได้รับการแนะนำให้ สำหรับผู้ที่มีความสนใจในการศึกษาโทรจิต
แบบฝึกนี้จะต้องได้รับการปฏิบัติครั้งหนึ่งในตอนเช้าตรู่และอีกครั้งหนึ่ง ในตอนก่อนนอน
1. ปิดรูจมูกด้านขวาด้วยนิ้วหัวแม่มือข้างขวา
2. หายใจเข้าด้วยรูจมูกด้านซ้าย 5 วินาที
3. ปิดรูจมูกด้านซ้าย ด้วยนิ้วก้อยมือซ้าย กลั้นลมหายใจ 5 วินาที
4. เอานิ้วหัวแม่มือออก และหายใจออกด้วยรูจมูกข้างขวา 5 วินาที
5. หายใจเข้าอีกครั้งหนึ่ง ด้วยรูจมูกด้านขวา 5 วินาที และปิดรูจมูก ด้วยนิ้วหัวแม่มือ พร้อมกับกลั้นหายใจ 5 วินาที
6. หายใจออก 5 วินาทีด้วยรูจมูกด้านซ้าย หลังจากเอานิ้วก้อยออก
นี่คือครบ 1 รอบ ทำการฝึกฝนอย่างนี้ 5 รอบ กระทำในท่านั่งที่สบายๆ คอและ หลังตั้งตรง หันหน้าไปทางทิศเหนือ กระทำในขณะท้องว่าง ในสถานที่ที่อากาศ ถ่ายเทได้สะดวก การกินของหวานและอาหารรสเปรี้ยวควรลดลงให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้
นอกจากการฝึกลมหายใจนี้ซึ่งทำให้ประสาทของท่านเย็นและเกิดความสงบแล้ว ท่านต้องจินตนาการด้วยการหลับตาลงโดยยังคงอยู่ในท่านั่งว่า มีแม่ น้ำแห่งรัศมี (นูร) ไหลผ่าน และโลกทั้งหมดรวมทั้งตัวท่านด้วย ได้จมลงไปใน แม่น้ำาแห่งรัศมีตังกล่าว การเข้าฌานนี้ควรปฏิบัติประมาณครึ่งชั่วโมง
การเข้าฌานดังกล่าว ควรกระทำหลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลกับความคิดสัพเพเหระที่เข้ามาในจิตใจระหว่างการ ฝึกฝน อย่าต่อต้านมัน ความคิดเหล่านี้จะหายไปโดย อัตโนมัติ ปล่อยให้ความ คิดต่างๆ เข้ามา เพียงแต่อย่าให้ความสนใจใดๆ กับมัน มันก็จะหายไปในที่สุด ท่านต้องสนใจเฉพาะเรื่องของท่าน ปล่อยให้ความคิดทำหน้าที่ของมันไป หลัง จากฝึกฝนการเข้าฌานนี้แล้ว อย่ายุ่งกับเรื่องทางโลก และเข้านอน
ผู้ที่มีความต้องการศึกษาเรื่องโทรจิตได้รับการแนะนำให้เก็บสมุดบันทึก ไว้เพื่อจดเหตุการณ์ประจำวันลงไป และให้คงอยู่ในสภาพที่มีน้ำนมาซ (สภาพที่ชำระร่างกายแล้วตามศาสนบัญญัติอิสลาม ผู้แปล)
แบบฝึกฝนง่ายๆ จะช่วยท่านในการรักษาความเยือกเย็นไว้ในกิจการงาน ประจำวัน และช่วยให้มีความเข้มข้นในจิตใจ ซึ่งเป็นที่จำเป็นก่อนการศึกษา เรื่องโทรจิต